- กฎแห่งกรรมไม่หมดอายุPosted 1 day ago
- อย่าหัวชนฝาPosted 2 days ago
- เปลี่ยนเป็นตลาดการค้าไวๆPosted 3 days ago
- มนุษย์เกิดมิคสัญญีที่ใจPosted 4 days ago
- ระวังเพื่อความปลอดภัยPosted 5 days ago
- ขอให้ฮึดสู้Posted 1 week ago
- สยบพวกอันธพาลให้ได้Posted 1 week ago
- อย่าทำอะไรมักง่ายPosted 1 week ago
- ผ้าเหลืองห่อเปรตPosted 2 weeks ago
- จงตั้งใจเรียนเพื่อพ่อแม่Posted 2 weeks ago
“พิชัย”โต้”วิษณุ”ค้านการปรับทัศนคติเป็นวิธีของเผด็จการ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่นายวิษณุ เครืองาม บอกว่าแม้ คสช. จะไม่มีแล้วแต่ยังเรียกปรับทัศนคติได้ ในฐานะที่เคยถูกเรียกปรับทัศนคติมากที่สุดถึง 8 หน อยากบอกว่าประเทศไทยได้กลับสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว แต่คำสั่ง คสช. ที่ให้อำนาจในการเรียกปรับทัศนคตินั้นยังอยู่ สวนทางกับระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน ประเทศไทยนั้นมีกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ถ้าใครทำผิดก็ฟ้องร้องกันไป ไม่ใช่จะเรียกมาปรับทัศนคติ เพราะในโลกประชาธิปไตยไม่มีใครทำแบบนี้ ยกเว้นจะเป็นระบอบเผด็จการ ตนขอคัดค้านเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และขอให้ฝ่ายค้านนำเรื่องนี้เข้าสู่สภา และออกกฎหมายเพื่อล้มเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นคำสั่งของเผด็จการอย่างชัดเจน ไม่มีประเทศเสรีที่ไหนในโลกเขาทำ
ส่วนที่อ้างว่าเพื่อความสงบเรียบร้อยนั้น ตนว่าไม่เกี่ยว เพราะรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศมา 5 ปีแล้ว หากคิดว่าประชาชนเห็นดีเห็นงามด้วยก็ไม่ต้องกังวล ป้องกันไม่ให้คนวิพากษ์วิจารณ์หรือพูดอะไรที่ขัดหูรัฐบาล มันควรหมดไปตั้งนานแล้ว
ตนถูกเรียกปรับทัศนคติมากที่สุด ต้องยอมรับว่ารู้สึกกลัว ทั้งที่เพียงวิพากษ์วิจารณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจเท่านั้น โดยมีการอ้างอิงตัวเลขที่ตรงกับความเป็นจริง ยืนอยู่บนหลักวิชาการ และต่อมาก็เป็นจริงอย่างที่ตนวิพากษ์วิจารณ์ เศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาตลอด แต่เมื่อถูกเรียกกลับทำให้ตนกดดัน เหมือนเกรงกลัว เพราะเหมือนกับการทำร้ายกันทางจิตใจ และหลอนอยู่เหมือนกัน เพราะตนคิดว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่กลับถูกเรียกอย่างไม่ยุติธรรม ทั้งนี้เพราะหลายครั้งมีทหารถือปืนมาคุมตัว และบางครั้งก็ถูกคลุมหัวปิดตาพาไปกักตัวอยู่ถึง 7 วัน เพียงเพราะวิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจ
ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะถูกเรียกปรับทัศนคติเพราะไปวิจารณ์เศรษฐกิจ ตนโดนทั้งหมด 8 ครั้ง ถูกเรียกดำเนินคดี 4 ครั้ง รวม 12 ครั้ง ประเด็นนี้จะทำให้รัฐบาลถูกกดดันต่อไป เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง มันเหมือนการข่มขู่ นอกจากนี้การเรียกปรับทัศนคตินี้จะทำให้ประเทศไทยยังดูเป็นเผด็จการอยู่ ซึ่งจะทำลายความมั่นใจของนักลงทุนชาวต่างประเทศที่จะมาลงทุนในไทย
You must be logged in to post a comment Login